กว่า 1 ทศวรรษ สยาม ไวเนอรี่ร่วมฟื้นฟูผืนป่ากุยบุรี แก้ปัญหาสัตว์ป่าขาดแคลนน้ำและอาหารในหน้าแล้ง พบฝูงสัตว์ป่าหายาก ช้าง กระทิงและวัวแดงมากกว่า 300 ตัว
กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ ร่วมสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แก้ปัญหาสัตว์ขาดแคลนแหล่งน้ำและอาหารในช่วงหน้าแล้ง ใช้งบไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท ฟื้นฟูและปลูกแปลงหญ้าอาหารสัตว์ สร้างแอ่งกระทะน้ำ ทำให้ธรรมชาติฟื้นตัว พบฝูงสัตว์ป่าหายากอย่างกระทิงและวัวแดงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สร้างรายได้ให้ชุมชน ลดการล่าสัตว์ป่า
นายวาริท อยู่วิทยา รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ กล่าวว่า “เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของผืนป่ากุยบุรี และต้องการทำให้สัตว์ป่าคงอยู่ เนื่องจากที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติกุยบุรีประสบปัญหาการบุกรุกป่าเพื่อล่าสัตว์และขยายพื้นที่เพื่อการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกสับปะรด ทำให้พื้นที่อาศัยของสัตว์ป่าดั้งเดิมถูกทำลาย สัตว์ป่าหายาก และยังเกิดกรณีช้างป่าถูกฆ่าตายเนื่องจากลงมารบกวนพื้นที่แปลงเกษตรของชาวบ้าน เราจึงเป็นภาคเอกชนกลุ่มแรกที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพื่อร่วมอนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ และลดปัญหาระหว่างคนกับช้างตลอดไป”
นายเจษฎาคมน์ ยงใจยุธ ผู้จัดการฝ่ายบริหารความรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ได้เข้ามาสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โดยเริ่มจากการสนับสนุนอุปกรณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งการป้องกันไฟป่า GPS กล้องดักถ่าย เสบียงอาหารสำหรับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเพื่อสำรวจภัยคุกคามและการกระจายตัวของสัตว์ป่า รวมถึงการให้รางวัลนำจับแก่เจ้าหน้าที่กรณีนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาลักลอบล่าสัตว์ป่า”
ทางกลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ จึงได้ร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่อุทยาน เพื่อบรรเทาปัญหาของชาวบ้านและร่วมอนุรักษ์ผืนป่ากุยบุรี โดยได้ทดลองทำแปลงหญ้าอาหารสัตว์ที่พุยายสาย 100 ไร่ ซึ่งเห็นผลดีมีสัตว์ลงมากินหญ้า จึงขยายแปลงปลูกหญ้าเพิ่มขึ้นในจุดอื่น โดยปัจจุบันมีถึง 300 ไร่ ซึ่งจะต้องมีการฟื้นฟูและลงแปลงหญ้าใหม่ทุกปี นอกจากนี้ยังสร้างแอ่งกระทะน้ำขนาดกว้าง 8 เมตร และโป่งเทียมเพื่อช่วยเหลือทั้งชาวบ้านและสัตว์ป่าไม่ให้ลงมารบกวนชาวบ้านในช่วงหน้าแล้ง ซึ่ง 10 กว่าปีที่ผ่านมาใช้เงินสนับสนุนไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท”
นายบุญลือ พูลนิล อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า “ป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีพื้นที่กว่า 1,100 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 4 อำเภอ คือ อำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนพื้นที่ป่าที่เชื่อมต่อกับชุมชนทั้งหมู่บ้านรวมไทย ย่านซื่อ และพุบอน รวมระยะทางกว่า 100 เมตร ในช่วงหน้าแล้งมักประสบปัญหาสัตว์ป่าลงมารบกวนชาวบ้าน เนื่องจากขาดน้ำ อย่างไรก็ตาม จากการที่ภาคเอกชน อย่าง กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ เข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่ากุยบุรี มีจำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา จากการสำรวจพบช้างป่า 100 กว่าตัวในปี 2551 ต่อมาในปี 2559 มีการตรวจ DNA ในขี้ช้าง พบว่ามีช้าง 237 ตัว ส่วนกระทิงเมื่อปี 2551 พบเพียงร่องรอยของกระทิงและวัวแดง แต่เมื่อลงมือทำแปลงหญ้าอาหารสัตว์ พบว่าล่าสุดมีจำนวนกระทิงและวัวแดงไม่ต่ำกว่า 300 ตัว
ทั้งนี้ ธรรมชาติที่มีการฟื้นตัวยังส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเฉพาะ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาในพื้นที่เพื่อชมธรรมชาติและสัตว์ป่า ทั้งช้างป่า กระทิง วัวแดง เก้งและกวาง อีกทั้งก่อให้เกิดการสร้างอาชีพในชุมชนเกิดเป็นชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี เพื่อพานักท่องเที่ยวชมสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านและลดการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อล่าสัตว์ขาย”
สำหรับโครงการอันเกี่ยวเนื่องกับการฟื้นฟูผืนป่ากุยบุรี กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 จนถึงปัจจุบัน ตลอดระยะกว่า 1 ทศวรรษ ของการเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ดูแลรักษาผืนป่า และเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนสนับสนุนทุนทรัพย์ให้กับชุมชนในพื้นที่ ทั้งนี้กลุ่มบริษัทสยาม ไวเนอรี่ ยังมีส่วนร่วมในการก่อตั้งเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี อย่างต่อเนื่องและเต็มรูปแบบ และยังไม่หยุดยั้งที่จะสืบสานปณิธานน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการดูแลปกป้องผืนป่าต่อไป